วันจันทร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2560

นมัสการพระพุทธรูปใส่แว่นตาดำ




พระพุทธรูปที่เป็นที่เคารพสักการของประชาชนทั่วไปนั้นมีมากมาย เช่นเดียวกับพระพุทธรูปที่ใส่แว่นตาดำซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่เป็นที่เคารพนับถือของประชาชนชาวสมุทรสาคร ซึ่งพระพุทธรูปองค์นี้นั้นประดิษฐานอยู่ที่ “วัดโกรกกราก” ในเขตเทศบาลนครสมุทสาคร ตามตำนวนของพระพุทธรูปองค์นี้แต่เดิมเคยประดิษฐานอยู่ที่วัดช่องสะเดา ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่และร้างตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน ชาวรามัญในสมัยนั้นเห็นว่าวัดนั้นร้างและสิ่งก่อสร้างต่างๆ ได้หักพังทลายลงมาเหลือแต่พระพุทธรูปสององค์ องค์หนึ่งเป็นพระพุทธรูปสำริด อีกองคืหนึ่งเป็นพระพุทธรูปเนื้อศิลาแลงปางมารวิชัย จึงได้อันเชิญพระพุทธรูปล่องเรือมาตามลำแม่น้ำท่าจีน ครั้งมาถึงที่วัดโกรกกราก ได้เกิดพายุฝนตกอย่างหนัก ทำให้ไม่สามารถล่องเรือต่อไปได้ จึงตัดสินใจจดเรือไว้ที่หน้าวัดโกรกกราก แล้วยกพระพุทธรูปศิลาแลงขึ้นเพื่อไม่ให้ถูกฝนชะล้าง พอพายุสงบแล้วชาวรามัญก็จะเดินทางต่อจึงพากันยกพระพุทธรูปลงเรือ ทว่าไม่สามารถยกพระพุทธรูปลงเรือได้เพราะหนักมากกว่าตอนเอาขึ้นหลายเท่า เป็นที่ฉงนต่อชาวรามัญทั้งหมด หนึ่งในชาวรามัญนั้นก็ได้ตั้งใจจิตอธิฐานว่า “หากพระพุทธรูปต้องการจะอยู่ที่วัดโกรกกรากก็จะขออัฐเชิญไปไว้ที่พระอุโบสถของวัด” เมื่อเสร็จสิ้นคำอธิฐานชาวรามัญทั้งหมดก็ลองยกพระพุทธรูปขึ้นอีกครั้ง ปรากฏว่าสามารถยกได้ง่ายได้ ทั้งหมดจึงได้อัฐเชิญพระพุทธรูปศิลาแลงขึ้นไปไว้ในพระอุโบสถนับตั้งแต่นั้นมา


ต่อมาเกิดเหตุโรงตาแดงระบาดไปทั่วหมู่บ้านโกรกกราก ในสมัยนั้นการแพทย์ยังไม่ได้เจริญก้าวหน้าเช่นในสมัยนี้ การรักษาก็รักษาแบบชาวบ้านทั่วๆ ไป แต่รักษาอย่างไรก็ไม่หาย ด้วยความที่ชาวบ้านใกล้ชิดกับวัดโกรกราก ต่างก็พากันไปบนบานต่อองค์พระพุทธรูปศิลาแลงว่า ขอให้หายจากโรคตาแดง พร้อมกับนำเอาแผ่นทองคำเปรวไปปิดที่ดวงตาขององค์พระ ปรากฏว่าไม่นานโรงตาแดงที่ระบาดไปทั่วหมู่บ้านก็หาย หลังจากนั้นใครต้องการมาขอพรกับองค์พระต่างก็พากันนำเอาทองคำเปรวมาปิดที่ดวงตาของหลวงพ่อ ครั้งหลวงปู่กรับหรือพระครูธรรมสาคร ญาณวฒโนได้เป็นเจ้าอาวาสวัดเห็นประชาชนนำแผ่นทองคำมาติดที่ดวงตาขององค์พระมากกว่าส่วนอื่น จึงได้นำแว่นตามาใส่ให้องค์พระ
องค์พระจึงได้ใส่แว่นตาดำนับแต่นั้นมา พร้อมกับเป็นประเพณีที่เมื่อใครอยากจะมาขอพรกับองค์พระก็ให้นำเอาแว่นตาดำมาถวายแทน.


***ภาพประกอบจาก http://sa-ra1000.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น