พระพุทธรูปที่เป็นที่เคารพสักการของประชาชนทั่วไปนั้นมีมากมาย เช่นเดียวกับพระพุทธรูปที่ใส่แว่นตาดำซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่เป็นที่เคารพนับถือของประชาชนชาวสมุทรสาคร ซึ่งพระพุทธรูปองค์นี้นั้นประดิษฐานอยู่ที่ “วัดโกรกกราก” ในเขตเทศบาลนครสมุทสาคร ตามตำนวนของพระพุทธรูปองค์นี้แต่เดิมเคยประดิษฐานอยู่ที่วัดช่องสะเดา
ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่และร้างตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน
ชาวรามัญในสมัยนั้นเห็นว่าวัดนั้นร้างและสิ่งก่อสร้างต่างๆ
ได้หักพังทลายลงมาเหลือแต่พระพุทธรูปสององค์ องค์หนึ่งเป็นพระพุทธรูปสำริด อีกองคืหนึ่งเป็นพระพุทธรูปเนื้อศิลาแลงปางมารวิชัย จึงได้อันเชิญพระพุทธรูปล่องเรือมาตามลำแม่น้ำท่าจีน
ครั้งมาถึงที่วัดโกรกกราก ได้เกิดพายุฝนตกอย่างหนัก
ทำให้ไม่สามารถล่องเรือต่อไปได้ จึงตัดสินใจจดเรือไว้ที่หน้าวัดโกรกกราก
แล้วยกพระพุทธรูปศิลาแลงขึ้นเพื่อไม่ให้ถูกฝนชะล้าง พอพายุสงบแล้วชาวรามัญก็จะเดินทางต่อจึงพากันยกพระพุทธรูปลงเรือ ทว่าไม่สามารถยกพระพุทธรูปลงเรือได้เพราะหนักมากกว่าตอนเอาขึ้นหลายเท่า เป็นที่ฉงนต่อชาวรามัญทั้งหมด หนึ่งในชาวรามัญนั้นก็ได้ตั้งใจจิตอธิฐานว่า “หากพระพุทธรูปต้องการจะอยู่ที่วัดโกรกกรากก็จะขออัฐเชิญไปไว้ที่พระอุโบสถของวัด” เมื่อเสร็จสิ้นคำอธิฐานชาวรามัญทั้งหมดก็ลองยกพระพุทธรูปขึ้นอีกครั้ง ปรากฏว่าสามารถยกได้ง่ายได้ ทั้งหมดจึงได้อัฐเชิญพระพุทธรูปศิลาแลงขึ้นไปไว้ในพระอุโบสถนับตั้งแต่นั้นมา
ต่อมาเกิดเหตุโรงตาแดงระบาดไปทั่วหมู่บ้านโกรกกราก
ในสมัยนั้นการแพทย์ยังไม่ได้เจริญก้าวหน้าเช่นในสมัยนี้
การรักษาก็รักษาแบบชาวบ้านทั่วๆ ไป แต่รักษาอย่างไรก็ไม่หาย
ด้วยความที่ชาวบ้านใกล้ชิดกับวัดโกรกราก ต่างก็พากันไปบนบานต่อองค์พระพุทธรูปศิลาแลงว่า
ขอให้หายจากโรคตาแดง พร้อมกับนำเอาแผ่นทองคำเปรวไปปิดที่ดวงตาขององค์พระ
ปรากฏว่าไม่นานโรงตาแดงที่ระบาดไปทั่วหมู่บ้านก็หาย
หลังจากนั้นใครต้องการมาขอพรกับองค์พระต่างก็พากันนำเอาทองคำเปรวมาปิดที่ดวงตาของหลวงพ่อ
ครั้งหลวงปู่กรับหรือพระครูธรรมสาคร ญาณวฒโนได้เป็นเจ้าอาวาสวัดเห็นประชาชนนำแผ่นทองคำมาติดที่ดวงตาขององค์พระมากกว่าส่วนอื่น จึงได้นำแว่นตามาใส่ให้องค์พระ
องค์พระจึงได้ใส่แว่นตาดำนับแต่นั้นมา พร้อมกับเป็นประเพณีที่เมื่อใครอยากจะมาขอพรกับองค์พระก็ให้นำเอาแว่นตาดำมาถวายแทน.
***ภาพประกอบจาก http://sa-ra1000.blogspot.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น