วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2560

เลียบแม่น้ำโขง สู่เวียงแก่น ขึ้นภูดูทะเลหมอก 2.


แสงศรัทธา ณ ปลายฟ้า เรื่องและภาพ
*ยกเว้นภาพช่องเขาขาดถ่ายโดย นพรัตน์ ละมุล
ตีพิมพ์ครั้งแรก กรุงเทพธุรกิจ ฉบับเสาร์สวัสดี




ณ บริเวณนี้ในอดีตเคยเป็นที่ตั้งของกองพล 93 ซึ่งเป็นกองพลของนายพลหลี่หมี นายพลจากประเทศจีนที่เข้ามาช่วยไทยร่วมรบกับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ (ผกค.) บนยอดดอยจะมีศาลาที่สร้างอุทิศให้นายพลหลี่หมีตั้งอยู่




ณ บริเวณนี้ในอดีตเคยเป็นที่ตั้งของกองพล 93 ซึ่งเป็นกองพลของนายพลหลี่หมี นายพลจากประเทศจีนที่เข้ามาช่วยไทยร่วมรบกับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ (ผกค.) บนยอดดอยจะมีศาลาที่สร้างอุทิศให้นายพลหลี่หมีตั้งอยู่


ยอดสุดของดอยผาตั้งนี้ยังมีจุดชมวิวที่น่าสนใจ คือ “ผาบ่อง” (บ่องแปลว่าช่องหรือประตู) ถือว่าเป็น “ประตูสยามสู่ลาว” มีลักษณะเป็นช่องหินขนาดใหญ่คนเดินลอดได้อยู่ในแนวหน้าผา สามารถมองเห็นทิวทัศน์ และแม่น้ำโขงที่ไหลอยู่ในประเทศลาวได้ แต่ตอนที่ผมไปนั้นทางการได้เอาไม้ไผ่ตีปิดเอาไว้ ไม่ทราบเช่นกันว่าทำไปเพื่ออะไร ไม่ไกลจากผ่าบ่องด้านขวามือมี “ช่องเขาขาด” เป็นช่องเขาที่หินขาดจากกัน สามารถมองเห็นแม่น้ำโขงพาดผ่านตรงช่องเขาขาดพอดี โดยเฉพาะถ้ามาช่วงเดือนธันวาคมถึงมกราคม ดอกนางพญาเสือโคร่งและดอกเสี้ยวจะบานสะพรั่งงดงาม ทั้งทะเลหมอกที่นี้ก็สวยงามไม่แพ้ภูชี้ฟ้าเลย


ส่วนที่พักด้านบนนั้นจะมีลานให้กางเต็นท์ได้ แต่ถ้ามาในช่วงเทศกาลท่องเที่ยวราวเดือน ธันวาคมก็จะมีชาวบ้านขึ้นมาขายอาหาร (ถ้าไม่ได้มาช่วงเทศกาลก็อาจจะหายากหน่อย) อาหารที่ไม่น่าพลาดเลยก็คือขาหมู และหม่านโถว เรียกได้ว่า ใครมาที่ผาตั้งแล้วไม่ได้กินอาหารสองอย่างนี้ ก็เหมือนกับว่าไม่ได้มาดอยผาตั้งอย่างแท้จริงเลยทีเดียว ทว่าหากใครมาแล้วไม่ได้เตรียมเต็นท์มาก็มีชาวบ้านนำเต็นท์มาให้เช่าด้วย แต่ใครที่อยากจะนอนพักในสถานที่ที่มีความสะดวกสบายหน่อย ก็จะมีที่พักไว้บริการในราคาคืนละ 500 – 700 ไว้บริการที่ด้านล่าง ห่างจากจุดชมวิวและจุดกางเต็นท์ไม่เกิน 2 กิโลเมตร


ผมได้ความรู้จากเพื่อนผู้ร่วมทางว่า ดอยผาตั้งนั้นแท้จริงแล้วมิได้อยู่ตรงผาบ่องหรือช่องเขาขาด หากอยู่ตรงด้านนอก คือเมื่อเราเดินทางเข้ามาจากเส้น ปางหัด – ดอยผาตั้งราว 5 กิโลมองทางขวามือเราจะเห็นดอยลูกหนึ่งมีลักษณะเป็นผาตั้งอยู่นั้นหละคือดอยผาตั้งที่แท้จริง ส่วนที่เราเรียกว่าดอยผาตั้งรวมๆ กันนั้นก็มาจาก วันนัดพบ 10 ธันวาคม 2513 กำลังจากกองทัพ 3 และ 5  ได้เดินทางโดยรถยนต์ ทหารไทยเข้าสู่ดอยยาว ดอยผาหม่น ดอยหลวง เพื่อจัดตั้งหมู่บ้านแม่แอบ และ "บ้านผาตั้ง" ซึ่งอยู่ในเขตอิทธิพลของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ (ผกค.)  และต้องทำการรบราฆ่าฟันกันจนบ้านเมืองสันติสุข กลายมาเป็นผาตั้งจึงเริ่ม "ตั้ง" กันตั้งแต่ปี 2513 เป็นต้นมา


นอนพักเล่นที่ดอยผาตั้งซักคืนสองคืน ดูทะเลหมอกในยามเช้าและทะเลดาวในยามราตรีแล้วค่อยออกเดินทางกันต่อ




จากดอยผาตั้งวิ่งรถกลับลงดอยมาทางเก่า ตรงแยกปางหัดมีทางไปอำเภอเทิงไปตามทางเรื่อยๆ จากนั้นเข้าทางหลวงหมายเลข 1155 จนถึงทางแยกขวาขึ้นสู่ภูชี้ฟ้าถ้ามารถโดยสารให้ใช้บริการรถโดยสารประจำทางสายเชียงราย-เทิง ลงรถที่อำเภอเทิง (ถ้าจะไปดอยผาตั้งก็ให้ลงที่แยกปางหัด) จากนั้นเช่ารถขึ้นไปภูชี้ฟ้า แต่ผมไม่แนะนำคือถ้าไปกันมากกว่าสิบคนไม่เป็นไร แต่ถ้ามาน้อยคนค่าเหมารถก็เท่ากับเหมาทั้งคัน (ต่อคันสามารถโดยสารได้ไม่เกิน 12 คน) ราคาจะอยู่ที่ 1,200 – 1,500 บาทต่อคัน ที่ผมอยากจะแนะนำก็คือ ถ้ามาในช่วงเทศกาลให้จองที่พักล่วงหน้า แล้วสอบถามทางที่พักนั้นว่ามีบริการรับส่งขึ้นลงภูหรือไม่ ส่วนมากจะมีแล้วราคาก็ประหยัดกว่าที่จะต้องเหมารถจากด้านล่างขึ้นภูมาก แทบจะเรียกว่าเท่าตัวเลยทีเดียว


ภูชี้ฟ้า หรือ “ดอยชี้ฟ้า” (ตามคำเรียกของคนเหนือ) นั้นเป็นส่วนหนึ่งของดอยผาหม่น อยู่ห่างจากดอยผาตั้ง 25 กิโลเมตร มีลักษณะเป็นยอดเขาแหลมชี้ขึ้นไปบนฟ้า สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,628 กิโลเมตร บนยอดภูมีทุ่งหญ้ากว่าประมาณ 1 ตารางกิโลเมตร โดยมีหน้าผาเป็นแนวยาวยื่นเข้าไปในฝั่งประเทศลาว สามารถมองเห็นหมู่บ้านที่อยู่ประเทศลาวที่ชื่อ "เชียงตอน" ได้




ส่วนการเดินทางขึ้นไปดูทะเลหมอกที่ภูชี้ฟ้านั้นควรจะเริ่มออกเดินทางจากที่พัก (ถ้าพักบนภูชี้ฟ้า) ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นคือราวๆ 6 โมงเพราะทางที่จะขึ้นไปบนภูนั้นไม่มีทางรถมีแต่ทางเดินสูงชันยาวร่วม 800 เมตร ทว่าเมื่อไปถึงแล้วทะเลหมอกยามพระอาทิตย์ขึ้นก็ทำให้ความเหนื่อยล้าหายเป็นปลิดทิ้งได้ (ขนาดผมไปช่วงปลายฝนต้นหนาวแท้ๆ ยังหนาวเย็นและมีทะเลหมอกแลดูสวยงามแล้ว คิดดูว่าถ้ามาหน้าหนาวจะหนาวเย็นและสวยงามขนาดไหน)


บนภูชี้ฟ้านั้นยังมีแหล่งท่องเที่ยวอีกมากมาย ประมาณว่าเที่ยววันเดียวเฉพาะบนภูชี้ฟ้านี้ไม่หมดแน่ และถ้าหากมาในช่วงปีใหม่ยังจะได้ชมงานปีใหม่ ที่ชาวม้งจะแต่งตัวด้วยชุดประจำเผ่าม้งครบถ้วนทั้งหญิงและชาย จุดเด่นของงานอยู่ที่การโยนลูกช่วงหรือลูกหินระหว่างหนุ่ม – สาว




ดั่งจะเห็นได้ว่าเวียงแก่นนี้ แม้จะที่มีเนื้อที่ไม่ใหญ่นักประมาณ 526 ตารางกิโลเมตร ทว่ากลับประกอบไปด้วยชนชาติหลากหลายเผ่าพันธุ์ ที่สำคัญยังมีแหล่งท่องเที่ยวมากมายที่สวยงามอย่างที่ผมกล่าวไว้แต่ต้น ถ้าจะให้กล่าวอย่างไม่เกินความจริงก็ได้ว่า เอาเฉพาะเที่ยวไปตามแหล่งท่องเที่ยวในอำเภอเวียงแก่นอย่างเดียว 5 วันก็เที่ยวไม่ครบทุกที่แล้ว


ก่อนจะจบการเดินทางเที่ยวนี้นั้น ผมขอฝากบางอย่างไว้ด้วยว่า การท่องเที่ยวไปตามสถานที่ต่างๆ สิ่งหนึ่งที่เราจะต้องเรียนรู้แน่นอนก็คือประวัติศาสตร์ของสถานที่นั้นๆ แต่ที่ลืมไม่ได้ก็คือการเคารพซึ่งวิถีแห่งชนท้องถิ่นและธรรมชาติด้วย เพราะสิ่งเหล่านี้คือหัวใจหลักของนักท่องเที่ยวทุกคนพึ่งมี.



อ่านนิยายชุดดวงใจมาเฟีย


“บ้านนักเขียน” ยินดีเป็นส่วนหนึ่งของนักเขียนและนักอ่านทุกท่าน หากถ้าหากนักเขียน นักอ่าน สำนักพิมพ์มีความประสงค์ที่จะโฆษณาประชาสัมพันธ์งานเขียน ข่าวคราวเกี่ยวกับหนังสือของตนเองหรือของผู้อื่น กรุณาส่งรีวิว ไฟล์ภาพ และรายละเอียดหนังสือหรือข่าวที่จะให้ประชาสัมพันธ์นั้นๆ มาที่ “บ้านนักเขียน” หรือที่ admin@bannakkhian.com  และอย่าลืมแวะเข้าไปเยี่ยมกันที่ “บ้านนักเขียน” กันบ้างนะครับ ใครต้องการเขียนเรื่องสั้น นิยาย บทกวี ฯลฯ ทาง “บ้านนักเขียน” ได้เปิดพื้นที่ให้นักเขียน นักอยากเขียนทุกท่านได้โชว์ผลงานผ่าน “บอร์ดนักเขียน” ไม่แน่หากผลงานของท่านเข้าตาบรรณาธิการสำนักพิมพ์ วงวรรณกรรมก็อาจจะมีนักเขียนดีผลงานเด่นเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคนก็ได้ ขอบคุณครับ.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น